กลองสะบัดชัยและวงป้าดจากภาพถ่ายเก่าหอหลักเมืองเชียงใหม่ แจ่งศรีภูมิ

ในเอกสารพับสาส่วนบุคลคลที่เผยแพร่โดยศูนย์ใบลานศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ได้กล่าวถึง “กิตตนาเครื่องปูชาอินทขีล” ความว่า

ปเวณีปูชาอินทขีลตามเดิม เดือน 8 เข้า เดือน 9 ออก หื้อเกณฑ์เอาฅนแฅว้นใกล้เวียงมาแปลงตำหนักที่อินทขีล ฯ ตำหนักหลวงฝ่ายหน้า วิหารวัดเจดีย์หลวงฝ่ายเหนือ หลัง 1 ฯ ตำหนักเจ้าวังหน้า ฝ่ายใต้ หลัง 1 ฯ ผามเพียงหน้าตำหนักหลวง หลัง 1 ฯ ตูบกลองม่าน หลัง 1 ฯ ตูบช่างซอ หลัง 1 ฯ ตูบที่เกณฑ์พญาสนามไปรั้งหลัง 1 ฯ ตูบพ่อฅัว หลัง 1 ฯ แล้วตกเอาไม้อ้อกับแฅว้นทังหลายมาแปลงหอแลขัดราชวัตร ตกหื้ออามู ประตูแปลงของแสนสางแล ฯ ประตูตกกองขาวร้อย กองแดง ช่อร้อยผืน เครื่องปูชาตกกับเจ้านายสิงสาดราชบุตรท้าวพระญา ค่าพะดามีในเวียงทังมวลตกแลตน ผ้าขาวรำ ผ้าแดงรำ หมากหมื่น หื้อมีบันชีติด ไหขาว 1 ไหนแดง 1 ฯ

ในวังหลวง หื้อกัมมการไปไหว้สาเอาสีนาดคู่นึ่ง หอกคู่ 1 ดาบคู่ 1 เงิน 4 พัน ฅำ 4 ร้อย สาดแข็บ 1 หมอนผา 1 พรม 1 เบี้ยหมื่น หมากหมื่น ผ้าขาวรำ ผ้าแดงรำ ฯ

ที่เจ้าวังหน้า หื้อไหว้สาเอาเชลยคู่ 1 สีนาดคู่ 1 สาด หมอน ผ้าขาวรำ ผ้าแดงรำ เบี้ยหมื่น หมากหมื่น กลองสบัดชัย หื้อเกณฑ์เอาช่างเชิง ช่างปี่ ช่างซอ มาฟ้อนเชิงแลซออุ่มงัน 7 วัน 7 ฅืน หื้อนิมนต์ทุ 9 ตน มาสูดสังคหะที่อินทขีลธุกวัน คันจักออก ตกเอาเครื่องภัณฑะกับเจ้าท้าวพญามาหื้อทานทุกวันออกนั้นแล ฯ

ข้อความดังกล่าว เป็นการแสดงความสำคัญของเสาอินทขีลและพิธีการบูชาใน “ระดับเมือง” ที่มีความซับซ้อนและเป็นประเพณีที่ต้องอาศัยคนทุกระดับชั้นในสังคม และจะเห็นได้ว่า กิจกรรมทางดนตรีเป็นส่วนหนึ่งของพิธีนี้ ดังที่กล่าวว่า “ตูบกลองม่าน หลัง 1 ฯ ตูบช่างซอ หลัง 1” รวมถึง “หื้อเกณฑ์เอาช่างเชิง ช่างปี่ ช่างซอ มาฟ้อนเชิงแลซออุ่มงัน 7 วัน 7 ฅืน

ดังปรากฏแบบแผนการบรรเลงดนตรีทั้งวงป้าดก๊อง (วงปี่พาทย์ล้านนา) และมีการขับซอในช่วงกลางวันที่สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน

ภายหลังจากงานอินทขีลเมืองเชียงใหม่ 7 วัน จึงจะมีพิธีบูชาบรรพกษัตริย์ล้านนา หรืองานประเพณีเดือน 9 เหนือ ที่หอหลักเมืองเชียงใหม่ แจ่งศรีภูมิด้านใน ตามประวัติกล่าวว่า เป็นงานบวงสรวงดวงวิญญาณของเจ้าเมืองทั้งหมดล้านนา รวมถึงเป็นงานเลี้ยงขอบคุณเจ้าเมืองต่าง ๆ ที่มาร่วมในงานอินทขีลเมืองเชียงใหม่

ในแง่ของร่างทรงนั้น หอนี้ถือเป็นหอสำคัญของเมือง ม้าขี่(ร่างทรง) จะต้องฟ้อนที่นี่อย่างน้อยครั้งหนึ่ง เรียกว่าการ “ออกหลัก” เสมือนการเข้ามารายงานตัวและการเข้ามารายงานเรื่องราวข่าวสารจากที่ต่าง ๆ ทั้งในเมือง นอกเมืองให้เจ้าผู้ครองนครฟัง โดยได้มีการสืบสานแนวการปฏิบัตินี้มาจนถึงปัจจุบัน (สรุปความจากเพจประเพณีสืบสาน หลักเมืองเชียงใหม่)

ด้วยการที่เป็น “พิธีบูชาบรรพกษัตริย์ล้านนา” นี้เอง การใช้ดนตรีในพิธีกรรมดังกล่าวจึงต้องเป็นเครื่องดนตรีที่แสดงถึงสถานะของชนชั้น อันเป็นเครื่องแสดงถึงสถานะทางสังคมในแง่หนึ่ง จากภาพถ่ายเก่าของนายคาคิจิ ยากี ช่างถ่ายภาพชาวญี่ปุ่นเมืองเชียงใหม่ในอดีตราว 100 ปีก่อน ช่วยให้เห็นภาพของดนตรีในพิธีกรรมดังกล่าวได้ชัดเจนมากขึ้น แม้จะเป็นภาพถ่ายในพิธีบูชาสี่ทิศช่วงเดือนสี่เหนือที่หอเจ้าพ่อหลักเมืองที่เเจ่งศรีภูมิ แต่ก็สะท้อนถึง “สถานะ” ของ “ผีเมือง” ที่เข้าทรงและความสำคัญของหอผีนี้ได้เป็นอย่างดี

กลองสะบัดชัยวางระหว่างหลักช้าง-หลักม้า และเจ้าพ่อกำลังฟ้อนหน้าวงป้าดก๊องที่หอหลักเมืองเชียงใหม่ แจ่งศรีภูมิ อายุราว 100 ปีก่อน ถ่ายโดย คาคิจิ ยากี

ภาพถ่ายโบราณแสดงให้เห็นหอไม้ยกพื้น และที่หน้าหอมี “กลองสะบัดชัย” วางอยู่โดยมีเสาคล้ายเสาเพนียดคล้องช้างค้ำยัน หรือ “หลักช้าง-หลักม้า” กลองสะบัดชัยนี้มีกลองแม่และกลองลูกตุบ 2 ใบอยู่ด้านขวามือ ชวนให้ทุกท่านพิจารณาโดยละเอียด ที่ขอบกลองนั้นเป็นกลองที่ตอกตรึงด้วยหมุด (รูปแบบเดียวกับกลองปู่จา) มิใช่ทำหูหิ่งแล้วเรียดด้วยหนัง

แสดงให้เห็นว่าการตอกตรึงด้วยหมุดนี้เป็นพัฒนาการเก่าก่อน และพัฒนาเป็นเรียดหนังเมื่อเราต้องการเสียงที่แตกต่างกันและถ่วงหน้าเพื่อความไพเราะ แน่นอนว่าเป็นคนละกลองสะบัดชัยแบบที่เรียกกันปัจจุบันเพราะเพิ่งจะมีการพัฒนาโดยพ่อครูคำ กาไวย์ ศิลปินแห่งชาติเมื่อไม่กี่ทศวรรษนี้เอง

กลองสะบัดชัยแบบปัจจุบันในงานปอยลูกแก้ว (บรรพชาสามเณร) ในละแวกอำเภอหางดง-สันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่

ลักษณะกลองสะบัดชัยนี้ มีรูปแบบเดียวกันกับกลองสะบัดชัยทำด้วยสำริด ขุดพบในเจดีย์ที่อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ คราวที่มีการสร้างเขื่อนภูมิพล อายุราวพุทธศตวรรษที่ 21 คือราว 500 ปีมาแล้ว

ในหัวข้อ “เครื่องดนตรีในสงคราม” จากหนังสือประวัติดนตรีล้านนา ของสงกรานต์ สมจันทร์ ได้ยกตัวอย่างคำว่า “กลองสะบัดชัย” จากตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ เช่น เหตุการณ์การแย่งชิงราชสมบัติของขุนเครือ พระอนุชาของพญาไชยสงคราม ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่กล่าวถึงการใช้เครื่องดนตรีเป็นส่วนหนึ่งของ “กลศึก” ความว่า

“…เจ้าพ่อน้ำท่วมแต่งพลเสิกอันชื่อว่าราชปัญญา แต่งอุบายหื้อคนเอาเครื่องเสิกใส่หาบเหมือนดังจักมารั้งเมื่อนั้นหื้อเขายัดอยู่ยังประตูเวียงชู่แห่ง พร่องแต่งหื้อแวดเวียงทังมวลหื้อรอดเป็นดังเสิกจักมาล้อมเวียงนั้น พร่องแต่งหื้อระวังคุ้มน้อยหื้อรอดชุเบื้องชุพาย คันพ่อท้าวน้ำท่วมเข้าเวียงได้ก็หื้อเคาะฆ้องโย้ง ตีกลองสะบัดไชย โห่ร้องเนียงนันมากนัก…” (อรุณรัตน์ วิเชียรเขียว และเดวิด เค. วัยอาจ, 2547, หน้า 57)

จะเห็นได้ว่า กลองสะบัดชัย เป็นกลองที่มีบทบาทสำคัญในอดีตและมีนามอันเป็นมงคล พระนคร ปญฺญาวชิโร (2555) ได้อธิบายว่า สะบัดชัย มีรากศัพท์มาจากภาษาบาลี ๒ ศัพท์ ได้แก่ “สปตฺต” แปลว่า ข้าศึก คู่แข่ง คู่วิวาท และ “ชย” แปลว่า ความชนะ หรือการมีชัย เมื่อนำคำศัพท์ทั้งสองมาสนธิกันเป็น “สปตฺตชย” ภายหลังแผลงเป็น “สะปัตต์ชัย” “สะบัตต์ชัย” และ “สะบัตชัย” จนสุดท้ายกลายเป็น “สะบัดชัย” หรือ “สะบัดไชย”

กลองสะบัดชัยสำริดปิดทอง กรมศิลปากรพบในกรุเจดีย์วัดเจดีย์สูง อำเภอฮอด ในระหว่างการสร้างเขื่อนภูมิพลเมื่อ พ.ศ. 2503 จัดแสดงที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร อายุราว 500 ปีก่อน
กลองสำริด สันนิษฐานว่าเป็นกลองสะบัดชัย สันนิษฐานว่าอายุราวพุทธศตวรรษที่ 19 หรือ 600-700 ปีก่อน จัดแสดงที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงแสน

ดังนั้น การมีอยู่ของกลองสะบัดชัยในพิธีกรรมที่หอเจ้าพ่อหลักเมืองเชียงใหม่ที่แจ่งศรีภูมินั้น จึงแสดงให้เห็นถึงความสำคัญและระดับของผีเมืองได้เป็นอย่างดี

รวมถึงภาพของ “วงป้าดก๊อง” ที่บรรเลงกับพื้นโดยมีเจ้าพ่อหลักเมืองร่ายรำอยู่ด้านซ้ายมือ โดยที่วงป้าดก๊องนี้ เป็นวงดนตรีสำคัญที่เดิมเป็น “ของหน้าหมู่” หรือชุมชนมีส่วนร่วมในการบรรเลง มีวัดเป็นสถานที่ฝึกซ้อมและเรียนรู้ มีวิธีการเรียนที่ซับซ้อนกว่าความเป็นพื้นบ้าน รวมถึงบทเพลงต่าง ๆ ที่มีระเบียบแบบแผนเฉพาะอีกด้วย

จึงเป็นจารีตที่ว่า การเลี้ยงผีสำคัญโดยเฉพาะระดับเมือง หรือผีเจ้านายที่เป็นอดีตกษัตริย์/ขุนนางหรือทหารต่าง ๆ นั้น จะบรรเลงด้วยวงป้าดก๊อง รวมถึงผีเม็งและผีมดที่มีความซับซ้อนของพิธีกรรมด้วย โดยที่ผีเจ้านายบางแห่ง จะใช้วงดนตรีอย่างสะล้อ ซอ ซึง ที่แสดงให้เห็นถึงลักษณะของความเป็นชุมชนหมู่บ้านในอีกรูปแบบหนึ่ง

วงป้าดก๊องประกอบการฟ้อนผีเม็งที่บ้านท่าสะต๋อย เมืองเชียงใหม่ ถ่ายก่อน พ.ศ. 2500

ดังนั้น ในวันศุกร์ที่ 6 มิถุนายน 2568 ที่จะถึงนี้ จะมีการจัดงานประเพณีบูชาบรรพกษัตริย์ (งานเดือน 9) พิธีเริ่มโดยประมาณ 06.30 น. ทุกท่านสามารถมาร่วมไหว้สาสักการะได้จนถึงเวลา 15.00 น. ครับ

เรื่องโดย: สงกรานต์ สมจันทร์

บรรณานุกรม

นคร ปญฺญาวชิโร, พระ. (2555). กลองสะบัดชัย: ศิลปะการแสดงล้านนา. เชียงใหม่: โครงการศูนย์ศึกษา พระพุทธศาสนาประเทศเพื่อนบ้าน มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตเชียงใหม่.

ประเพณีสืบสาน หลักเมืองเชียงใหม่ . (2562). วันศุกร์ที่ 6 มิถุนายน 2568 ที่จะถึงนี้จะมีการจัดงานประเพณีบูชาบรรพกษัตริย์ [Status update]. Facebook. https://www.facebook.com/photo?fbid=1014792270843746

ศูนย์ใบลานศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่. (2562). กลองสะบัดชัย ฟ้อนเจิง ช่างปี่-ช่างซอ และผามซอ มันมีคู่กับงานใส่ขันดอกอินทขีล [Status update]. Facebook. https://www.facebook.com/photo?fbid=2341156809277282&set=a.414778645248451

สงกรานต์ สมจันทร์. (2563). ประวัติดนตรีล้านนา (พิมพ์ครั้งที่ 2). เชียงใหม่: คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่.

อรุณรัตน์ วิเชียรเขียว, และ เดวิด เค. วัยอาจ. (2547). ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่. เชียงใหม่: ซิลค์เวอร์ม.

ผู้จัดทำข้อมูล

ผู้ช่วยศาสตราจารย์สงกรานต์ สมจันทร์

หลักสูตรครุศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาดนตรีศึกษา
ผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศด้านดนตรีและนาฏศิลป์ล้านนา
มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *