พลวัตของเพลงมอญ(ลำปาง)

พลวัตของเพลงมอญ(ลำปาง)

หนึ่งในบทเพลงสำคัญในพิธีฟ้อนผีในพื้นที่วัฒนธรรมดนตรีล้านนาลำปาง ก็คือ “เพลงมอญ” ที่ได้กลายเป็นบทเพลงแห่งอัตลักษณ์ของวัฒนธรรมล้านนาลำปาง เมื่อพิจารณาในทางดนตรีเราจะพบได้ว่า กลุ่มเสียงถ้าเทียบแบบดนตรีไทยก็มีความเป็นสำเนียงมอญ มีกระสวนจังหวะกลองเต่งถิ้งที่กล่าวได้ว่าเป็น “หน้าทับเฉพาะเพลง”

ผมชวนให้ทุกท่านลองเปรียบเทียบทำนองเพลงมอญที่ว่านี้ กับทำนองเวนทานหรือเทศน์สำเนียงแบบลำปาง ท่านก็จะพบว่าใช้เสียง 4 5 6 1 2 3 (อาจแทนด้วยโน้ต เช่น ฟ ซ ล ด ร ม) เช่นเดียวกัน เรื่องนี้ผมเคยสัมภาษณ์อาจารย์ศักดิ์ รัตนชัยผู้ล่วงลับเกี่ยวกับเพลงร่ำเปิงลำปาง ท่านบอกว่า “ผมเอาสำเนียงจากเพลงที่ฟ้อนผีมดผีเม็ง”

โน้ตเพลงมอญลำปาง

เพลงมอญนี้มีการบรรเลงสองรูปแบบ คือ รูปแบบฟ้อน จะใช้จังหวะที่กระชับ ส่วนอีกรูปแบบคือ การบรรเลงแบบช้า ที่เรียกกันว่า “มอญศาลา” หรือสำเนียงจากบ้านศาลาดงลาน อำเภอเกาะคา ที่เมื่อเรานำทำนองหลักมาบรรเลงให้ช้าลงแล้ว ก็จะต้องมีการสอดแทรกทำนองประดับต่าง ๆ เพื่อเติมเต็มช่องว่างเหล่านั้น กลายเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของเพลงมอญที่แสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญาการสร้างสรรค์ทำนองของนักดนตรี

อีกลักษณะสำคัญของวงป้าดก๊องลำปาง คือ ทางป้าดก๊อง (ทางฆ้องวง) แทนที่จะเป็นทำนองห่าง ๆ ตามรูปแบบ “ทางฆ้อง” ในดนตรีไทย แต่กลายเป็นว่า ทางป้าดก๊องเป็นทำนองที่ถี่ มีการสร้างกลวิธีการบรรเลงและคู่ประสานอยู่โดยตลอดเพลง อันเนื่องมาจากว่าแต่เดิมนั้น ไม่มีระนาดเอกประสมวง เพิ่งจะมีราว พ.ศ. 2483 อ่านเรื่องนี้ที่นี่: https://lannamusic.org/?p=1469

คณะ ศ.ศาลาศิลป์ หรือคณะแห่ศาลาดงลาน

 คำถามหนึ่งที่ยังคงเป็นคำถามอยู่ คือ ในเมื่อเรา “ฟ้อนผีเม็ง” ทำไมไม่เรียก “เพลงเม็ง” แต่เรียกว่า “เพลงมอญ” คำถามนี้ปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์อยู่เนือง ๆ

ผมตั้งข้อสังเกตจากการลงพื้นที่และสืบค้นเอกสารต่าง ๆ ข้อเสนอของผมคือ เพลงเหล่านี้แต่เดิมอาจไม่มีชื่อเรียก แต่เป็นทำนองที่บรรเลงกันไปและในพิธีกรรมก็มีหลายทำนอง แต่เพื่อความจำได้หมายรู้ จึงเรียกทำนองเพลงตามกิจกรรมทางดนตรีที่เกิดขึ้น

เช่น “มวย” ก็คือ เพลงที่ใช้ในการชกมวย ที่ลำปางเรียก “ลูกกุยเวย” (เพลงกำหมัดต่อยมวยแบบเร็ว) “เก๊าห้า” ก็คือเพลงที่ใช้บรรเลงขณะที่ผีไปฟ้อนรอบ ๆ ต้นหว้าหรือต้นห้า ซึ่งเป็นต้นไม้สำคัญในพิธีกรรม

ส่วน “เพลงมอญ” เป็นเพลงหลักในพิธีที่หลังจากร่างทรงห้อยผ้าแล้วก็จะร่ายรำไปกับเพลง ซึ่งแต่เดิมคงไม่ได้มีบทเพลงมากเช่นปัจจุบันนี้ โดยที่คำว่า “มอญ” นี้ คงเป็นชื่อเรียกจากคนสยามที่เข้ามาทำงานรับราชการหรือค้าขายอยู่ในลำปาง ช่วงรัตนโกสินทร์นี้เอง

เพราะอย่างไร ชาวพื้นเมืองก็ยังเรียกพิธีนี้ว่า “ผีเม็ง” เช่นเดิม

เรื่องปี่พาทย์พื้นเมืองลำปางนี้ เจ้าบุญวาทย์วงษ์มานิตให้การสนับสนุน หากที่ไหนมีพิธีฟ้อนผีมีเรื่องเล่าวว่าท่านก็จะร่วมทำบุญปัจจัยด้วย ปัจจุบันนี้ผีเม็งตระกูลต่าง ๆ ถือว่าแบ่งมีจากคุ้มหลวงเมืองลำปาง ดังที่ทุกท่านทราบกันดีว่าภายหลังคุ้มหลวงได้ขายให้เป็นของรัฐบาลจากความยุ่งยากต่าง ๆ และเป็นเวลากว่า 5 ปีหลังจากท่านพิราลัยจึงมีพิธีพระราชทานเพลิงศพโดยมีพระราชชายา เจ้าดารารัศมี เป็นประธานในการจัดการพระศพ

ภาพถ่ายวงป้าดลำปาง ถ่ายที่ตึกของเจ้าราชสัมพันธ์ (เจ้าเทพธำรงค์)

ในส่วนของการแพร่กระจายเพลงมอญที่ออกไปสู่พื้นที่วัฒนธรรมล้านนาอื่น ๆ นั้น ในหนังสือโน้ตเพลงสำหรับดนตรีพื้นเมืองล้านนา สะล้อ ซอ ซึง ของครูภานุทัต อภิชนาธง (2544) กล่าวว่า เพลงนี้ ครูอุดม หลีตระกูล ไปพบเมื่อ พ.ศ. 2536 และเป็นผู้นำมาเผยแพร่ในวัฒนธรรมดนตรีล้านนาเชียงใหม่

ทั้งนี้ในปี พ.ศ. 2538 ได้มีการบันทึกเทปคาสเซ็ต “เสียงละกอน” ดนตรีพื้นเมืองลำปาง ชุดฟ้อนผีมด-ผีเม็ง บรรเลงโดยคณะช่างแต้มบันเทิงศิลป์ โดยอำนวยการจัดทำโดยอาจารย์วิถี พานิชพันธ์ แห่งคณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยมีการบันทึกเสียงวันที่ 6 กรกฎาคม 2538 กล่าวได้ว่า เป็นการนำเสนอสำเนียงปี่พาทย์ล้านนาอีกรูปแบบหนึ่งให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นในวัฒนธรรมดนตรีล้านนาวงกว้าง

เมื่อมีเว็บไซต์อย่างเช่น โลกล้านนา (www.lannaworld.com) คีตะล้านนา (www.ketalanna.com) โดยเฉพาะเว็บไซต์คีตะล้านนาที่มีการนำเพลงต่าง ๆ มาโพสต์ให้ฟัง จึงเป็นจุดเริ่มต้นของหลาย ๆ คนและเปิดประสบการณ์ทางเสียงใหม่ในดนตรีล้านนา ทั้งดนตรีล้านนาลำปาง ดนตรีล้านนาเชียงราย เป็นอาทิ รวมถึงเพลงแห่ป้าดก๊องลำปางชุดเสียงละกอนก็สามารถฟังได้จากเว็บไซต์ดังกล่าว

เพลงมอญ หรือเพลง “มอญลำปาง” ที่เติมคำว่า “ลำปาง” ลงไปเพื่อระบุวัฒนธรรมต้นทาง จึงแพร่กระจายในหมู่นักดนตรีล้านนาวงกว้าง ทั้งมีโน้ตจากครูภานุทัต อภิชนาธง (ครูแอ๊ด) ที่เป็นสื่อการเรียนรู้สำคัญ และมีเสียงให้ฟังจากเว็บไซต์ (ยุคสมัยดังกล่าวยังไม่มีสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะ YouTube) บรรเลงกันทั้งวงดนตรีพื้นเมือง (สะล้อ ซอ ซึง) วงป้าดก๊อง รวมถึงการบรรเลงแบบประยุกต์ดังเช่นผลงานของคณะมิตรรวมใจ หนองช้างคืน อำเภอเมืองลำพูน

เว็บไซต์คีตะล้านนา แหล่งข้อมูลสำคัญทางดนตรีล้านนาในอดีต

จากการบรรเลงในเชิงจารีต เพลงมอญลำปางได้ขยับขยายการบรรเลงเพิ่มพื้นที่อีกครั้ง ในงานไหว้ครูคณะแห่ธนรัตน์ศิลป์ ของครูรัตกาล สิงห์แก้ว (ครูเอ) อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่เมื่อ พ.ศ. 2557 เมื่อช่วงเย็นนั้นได้จัดให้มีรำวงขึ้น และมีช่วงหนึ่งที่บรรเลงเพลงมอญลำปางประยุกต์เพื่อเป็นการ “เอาใจ” หรือขอบคุณ “หมู่แห่” ที่มาร่วมในงาน

ถามว่า “รู้ได้อย่างไร” ก็เพราะผมเป็นหนึ่งในคนที่ขึ้นไปรำวงครั้งนั้นด้วย

หลังจากนั้น จึงพบได้ว่า การทดสอบเสียง (Sound Check) ของวงดนตรีและรำวงต่าง ๆ หากผู้บรรเลงเป็นพวก “เครื่องหลัง” หรือบรรเลงเป็น Back Up ของวงป้าดก๊องประยุกต์แล้ว บางครั้งก็มีการทดสอบเสียงด้วยการบรรเลงเพลงพื้นเมืองต่าง ๆ ตามแนวการบรรเลงในพิธีฟ้อนผีเจ้านาย

การทดสอบเสียงวงดนตรี (Sound Check) โดยใช้เพลงพื้นเมือง

ผมคิดว่า การรับรู้เกี่ยวกับบทเพลงดังกล่าวมามีการแพร่ขยายในหมู่คนรุ่นใหม่มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเมื่อพื้นที่เชิงจารีตได้ขยับขยายมาในพื้นที่แห่งความบันเทิงดังกล่าว และยังเป็นการเมืองเรื่องอัตลักษณ์ล้านนาที่มีการปะทะกันเป็นระยะ ๆ กับความคิดของผู้คน ดังเช่นการใส่ชุดร่างทรงผีเจ้านายไปเที่ยวในผับดังแห่งหนึ่งในวันฮาโลวีน

เท่าที่ผมพยายามบันทึกปรากฏการณ์นี้ไว้ 3 เมษายน 2564 นายพชรธรณ สิทธิกันได้นำแนหน้อยเป่าเพลงมอญลำปางบนเวทีรำวง และ 13 สิงหาคม 2565 นายณภัชร์ เจนหงษ์ ได้นำแนหน้อยเป่าเพลงมอญลำปางบนเวทีดนตรีสดของร้านท่าช้างคาฟ่ สถานบันเทิงชื่อดังของเชียงใหม่ ซึ่งทั้งคู่เรียนดนตรีศึกษาที่ราชภัฏเชียงใหม่

เพลงมอญลำปาง จากเวทีร้านท่าช้างคาเฟ่ สถานบันเทิงชื่อดังของวัยรุ่นจังหวัดเชยงใหม่และภาคเหนือตอนบน

จะเห็นได้ว่า จากกระแสการรื้อฟื้นวัฒนธรรมตั้งแต่เชียงใหม่ 700 ปีเป็นต้นมา รวมถึงสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ อย่างน้อยการรับรู้เกี่ยวกับ “ดนตรีล้านนา” ก็ขยับขยายขึ้นในกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะเมื่อเสียงเพลง “มอญลำปาง” ดังขึ้น ทุกคนก็จะขยับย้ายร่างกายออกมาฟ้อน

และได้แพร่กระจายไปในสถานบันเทิงต่าง ๆ ดังที่ทุกท่านเห็นในปัจจุบัน

อีกเรื่องหนึ่งที่เป็นข้อสังเกตของผมเองคือ “พื้นที่ของเกย์-กระเทยวัฒนธรรม” ที่โลกสมัยใหม่ได้เปิดพื้นที่ดังกล่าวมากขึ้น ทั้งมีการยอมรับในฐานะผู้ศึกษาและขับเคลื่อนวัฒนธรรมล้านนาอย่างจริงจัง ปฏิเสธไม่ได้ว่ากลุ่มคนรุ่นใหม่เหล่านี้ได้รับอิทธิพลจากแนวคิด “นีโอล้านนา” หรือกระบวนการทางความคิดจากภาควิชาศิลปะไทย คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่มาไม่มากก็น้อย ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ซึ่งเป็น “สำนักคิด” (school of thought) สำคัญและเป็นตัวแบบในการศึกษาศิลปกรรมและวัฒนธรรมล้านนายุคปัจจุบัน

รวมถึงความเป็น “ลำปางพลัดถิ่น” ที่เข้ามาในเชียงใหม่จากสำนักคิดดังกล่าว ที่บางครั้งก็เกิดการปะทะสังสรรค์กันในทางวัฒนธรรม (cultural interaction) มีการยกเอาวัฒนธรรมลำปางมาใช้ในเชียงใหม่โดยอาจจะเชื่อมโยงสำนึกทางประวัติศาสตร์ (historical consciousness) เช่น พระเจ้ากาวิละ เจ้าหลวงเชียงใหม่องค์ที่ 1 มาจากลำปาง (น่าสังเกตเช่นกันว่าไม่ได้นับพระยาจ่าบ้านบุญมา) ในส่วนพื้นที่วัฒนธรรมเชียงใหม่เองก็ตั้งข้อสังเกตจากปรากฏการณ์ดังกล่าว

“แห่เพลงเชียงใหม่ ฟ้อนบ่ช่าง แห่เพลงมอญ ฟ้อนช่าง” (ช่าง=เป็น) ก็เป็นปรากฏการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นในสังคมล้านนาร่วมสมัยดังที่กล่าวไปข้างต้น

เหนือสิ่งอื่นใด ผมคิดว่า เราต้องเข้าใจวัฒนธรรมที่หลากหลายของความเป็นล้านนา และเรียนรู้ความหลากหลายเหล่านั้นไปพร้อม ๆ กัน เราอาจเรียนรู้ลักษณะการฟ้อนแบบวงกลองตึ่งโนงฟ้อนเล็บเชียงใหม่ วงกลองตกเส้งลำปาง กลองอืดแพร่น่าน ฟ้อนผีแบบลำปางที่ฟ้อนไป “จอยวอย” กว่าเชียงใหม่ และก็ควรเรียนรู้การฟ้อน(ผี)ในหลากหลายจังหวะเหมือนแบบเชียงใหม่ เป็นต้น

ทั้งนี้ นอกเหนือไปจากความ “ม่วน” ก็เพื่อสร้าง “สุนทรียะแห่งความหลากหลาย” ขยับพื้นที่ภูมิรู้ทางวัฒนธรรม ในฐานะที่เราท่านทั้งหลายคือพลังในการอนุรักษ์ ขับเคลื่อนวัฒนธรรมล้านนาสืบต่อไปในอนาคตครับ

เรื่องโดย:

สงกรานต์ สมจันทร์


บรรณานุกรม:

ณรงค์ สมิทธิธรรม. (2535). ดนตรีประกอบการฟ้อนผีในจังหวัดลำปาง. ลำปาง: คณะวิชามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ วิทยาลัยครูลำปาง.

ภานุทัต อภิชนาธง. (2544). หนังสือโน้ตเพลงสำหรับดนตรีพื้นเมืองล้านนา สะล้อ ซอ ซึง. เชียงใหม่: ศูนย์การศึกษาดนตรีพื้นเมือง วัดลอยเคราะห์.

สงกรานต์ สมจันทร์. (2563). ประวัติดนตรีล้านนา (พิมพ์ครั้งที่ 2). เชียงใหม่: คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่.

ผู้จัดทำข้อมูล

ผู้ช่วยศาสตราจารย์สงกรานต์ สมจันทร์

หลักสูตรครุศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาดนตรีศึกษา
ผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศด้านดนตรีและนาฏศิลป์ล้านนา
มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *